supansa-intamat

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ยินดีต้อนรับทุกๆคนจร้า

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนจร้า
เขียนโดย supansa-intamat ที่ 19:26 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
บทความที่ใหม่กว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2012 (1)
    • ▼  มกราคม (1)
      • ยินดีต้อนรับทุกๆคนจร้า

เกี่ยวกับฉัน

supansa-intamat
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

ประชาคมอาเชียน

บรูไน

บรูไน

บรูไน


บรูไนดารุสซาลาม
Brunei Darussalam

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อทางการ
เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam แปลว่า
ดินแดนแห่งความสงบสุข)

ที่ตั้ง
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว
ทิศตะวันออก ตะวันตกและทิศใต้ติดเขตซาราวัก
ประเทศมาเลเซีย
โดยพื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้

พื้นที่
5,765 ตารางกิโลเมตร
แบ่งเป็น 4 เขต
คือ
Brunei-Muara, Belait, Temburong และ Tutong

เมืองหลวง
บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) อยู่ในเขต Brunei-Muara

ประชากร
374,577
คน (2550) เชื้อชาติมาเลย์
250,967
คน (67%) จีน 56,187 คน
(15%) และอื่น
67,424
คน (18%)
อัตราการเพิ่มประชากรปีละ 3.5 % (2550)

ภูมิอากาศ
ร้อนชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี
อุณหภูมิเฉลี่ย 23-32 องศาเซลเซียส ฝนตกหนักสุดช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม
และพฤษภาคมถึงกรกฎาคม อากาศเย็นสบายที่สุดจะอยู่ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน

ภาษา
ภาษามาเลย์ (Bahasa Melayu) เป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารแพร่หลาย

ศาสนา
ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาอิสลาม (67%) ศาสนาอื่น
ๆ ได้แก่
ศาสนาพุทธ (13%) ศาสนาคริสต์
(10%)
และฮินดู

หน่วยเงินตรา
ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar) ประมาณ
1.37 ดอลลาร์บรูไน/1 ดอลลาร์สหรัฐ
(1)หรือ ประมาณ
23.98 บาท/
1 ดอลลาร์บรูไน
(2) (บรูไนมีความตกลงแลกเปลี่ยนเงินกับสิงคโปร์ทำให้เงินดอลลาร์บรูไนมีมูลค่า
เท่ากับเงินดอลลาร์สิงคโปร์และสามารถใช้แทนกันได้ แต่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สิงคโปร์
ประมาณ
23.95บาท/ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์)

*18,918 ล้านดอลลาร์บรูไน (2549)
GDP
per capita 49,400 ดอลลาร์บรูไน (2549)
GDP
Growthร้อยละ 3.8

ระบอบการปกครอง
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัลโบลเกียห์
มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์
(His
Majesty Sultan HajiHassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นสมเด็จพระราชาฯ
องค์ที่ 29 ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศตั้งแต่วันที่
5 ตุลาคม
2510 ซึ่งในปีนี้
(2551) เป็นวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ
62 ปี ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ

วันสำคัญ

วันประกาศอิสรภาพ 1 มกราคม พ.ศ.2527
วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระราชาธิบดีฯ
15 กรกฎาคม

การเมืองการปกครอง

- รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 1 มกราคม 2527 กำหนดให้สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเป็นอธิปัตย์
คือ เป็นทั้งประมุขและนายกรัฐมนตรี
สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันยังทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลังอีกด้วย ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนฯ เชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและจะต้องนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่

- ปัจจุบันมีพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงพรรคเดียวคือ
พรรค Parti Perpaduan Kebangsaan Brunei
(PPKB) ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลแต่ไม่มีบทบาทนัก
โดยรัฐบาลบรูไน ฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีพรรคการเมือง
เนื่องจากประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็น หรือขอความช่วยเหลือจากข้าราชการของสมเด็จพระราชาธิบดีได้อยู่แล้ว

- ในปี 2547 มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญเมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงประกาศให้ฟื้นฟูสภานิติบัญญัติขึ้นอีกครั้ง
นำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างประชาธิปไตยของบรูไนฯซึ่งพัฒนาการดังกล่าว
ได้รับการตอบรับที่ดีจากต่างประเทศ นักวิชาการ
รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ยังเคลื่อนไหวอยู่

- ในปี
2548 สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงประกาศปรับคณะรัฐมนตรีครั้งสำคัญในรอบ
22 ปี โดยทรงแต่งตั้งมกุฎราชกุมารอัล
มูห์ทาดี บิลลาห์
ให้ทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวทางการสืบทอดอำนาจ
ในการบริหารประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีโดยได้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่มีความชำนาญและ
ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิม เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นว่าสมเด็จพระราชาธิบดีฯ
ทรงให้ความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจ ภาคพลังงาน รวมทั้งการพัฒนาประเทศให้เป็นมุสลิมสายกลางมากขึ้น
เพื่อให้บรูไน ฯ
มีความเจริญทัดเทียมนานาประเทศ

- ปัจจุบันรัฐบาลของประเทศบรูไนประกอบได้ด้วย 12 กระทรวง คือ

- สำนักนายกรัฐมนตรี
- กระทรวงกลาโหม
- กระทรวงการคลัง
- กระทรวงการต่างประเทศ
- กระทรวงมหาดไทย
- กระทรวงศึกษาธิการ
- กระทรวงอุตสาหกรรม
- กระทรวงศาสนา
- กระทรวงการพัฒนา
- กระทรวงวัฒนธรรม เยาวชนและกีฬา
- กระทรวงสาธารณสุข
- กระทรวงคมนาคม
* อ้างอิงจากฐานข้อมูลของ
Brunei Economic Development Board(BEDB)

เศรษฐกิจการค้า

เศรษฐกิจ

- บรูไน
ฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามในภูมิภาคอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย
และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ LNG อันดับสี่ของโลก
จึงมีรายได้หลักจากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
คิดเป็นมูลค่ากว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดโดยส่งออกไปยังญี่ปุ่น
อออสเตรเลีย จีน อินเดีย สิงคโปร์ ไทย
และเกาหลีใต้ ในขณะเดียวกัน บรูไนฯ นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค
อาหาร และเครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องมือ
เครื่องใช้ไฟฟ้าจากสิงคโปร์ อังกฤษ
มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา

- นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมัน บรูไนฯ
ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก อาทิ อุตสาหกรรมฮาลาล โดยรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการ
Brunei Premium Halal Brand ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับภาคเอกชนออสเตรเลีย เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและ
อาหารฮาลาลบรูไนฯ สู่ตลาดสากล นอกจากนี้ ยังส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ โดยมีจุดขายอยู่ที่การเป็นประเทศ
ที่มีความสงบและปลอดภัย
และมีนโยบายจะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและท่องเที่ยว
(Service Hub for Trade and Tourism – SHuTT 2003 Vision) และการรักษาพยาบาล

- แผนพัฒนาประเทศ ฉบับที่ 9 รัฐบาลจะเน้นการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการค้า
ซึ่งปัจจุบันบรูไนฯ สามารถสร้างโรงงานผลิต
เมทานอล ขึ้นที่เขตอุตสาหกรรม Sungai Liang นอกจากนี้รัฐบาลพยายามส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติและการลงทุน
ภายในประเทศ ในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

- ปัจจุบัน บรูไน ฯ กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันเป็นหลักไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่มีความหลากหลาย
มากยิ่งขึ้น
โดยรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมีบทบาทมากขึ้น มีมาตรการเปิดเสรีด้านการค้าและสร้างบรรยากาศ
ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การพัฒนายังเป็นไปย่างล่าช้า
เนื่องจากอุปสรรคหลายประการ อาทิ
กฎระเบียบที่เคร่งครัดต่าง
ๆการห้ามชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการ การขาดช่างฝีมือ ประกอบกับคนบรูไนฯ
ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบใหม่และระบบเศรษฐกิจการค้าเสรี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างชาติ

สังคม

- บรูไนฯ จัดระเบียบสังคมตามข้อบัญญัติของศาสนามุสลิมและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- บรูไนฯ
มีระบบรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ โดยรัฐให้หลักประกันด้านการศึกษา การเคหะและการรักษาพยาบาล
และไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ ทำให้บรูไนฯ ไม่มีปัญหาทางการเมือง
อย่างไรก็ดี ปัญหาสังคมที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ได้แก่
การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
ปัญหาการว่างงาน (ณ เดือนพฤษภาคม 2550 มีสถิติการว่างงาน 5,814 คน)
ซึ่งรัฐบาลพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนทำงานในภาคเอกชนมากขึ้น แทนที่จะรองานราชการเพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต

ต่างประเทศ

นโยบายต่างประเทศ

- วัตถุประสงค์หลักของนโยบายต่างประเทศบรูไนฯ
คือ การส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ ได้แก่ การรักษาอธิปไตย
อิสรภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน การสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคม
และการรักษาเอกลักษณ์ทางการเมือง
วัฒนธรรมและศาสนา
รวมทั้งส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพและความรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลก

- บรูไน ฯ ใช้กลไกพหุภาคีเป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง เสริมสร้างความมั่นคงและผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาเซียน
(ซึ่งถือเป็นเสาหลักนโยบายต่างประเทศบรูไนฯ)
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (APEC )การประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) องค์การการประชุมอิสลาม
(OIC) และสหประชาชาติ (UN) สำหรับในระดับทวิภาคี
บรูไนฯ พยายามเป็นมิตรกับนานาประเทศเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับประเทศต่าง
ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันประเทศ

- การที่ประมุขของประเทศซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลเสด็จ
ฯ เยือนประเทศต่าง ๆ ด้วยพระองค์เองเพื่อสร้างบทบาทของบรูไน ฯ
ในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้บรูไน ฯ ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั้งในและนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- ในปี 2547 และ 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ
ฯ เยือนต่างประเทศบ่อยครั้ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ



การเดินทาง ธีม. รูปภาพธีมโดย kelvinjay. ขับเคลื่อนโดย Blogger.